WICE เผยทิศทางครึ่งปีหลัง 65 โตต่อเนื่อง เดินหน้าทำนิวไฮ 3 ปีซ้อน
WICE เผยทิศทางครึ่งปีหลัง 65 เติบโตต่อเนื่อง ธุรกิจเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น เดินหน้าทำนิวไฮ 3 ปีซ้อน มุ่งเน้น Key Drivers เพิ่มปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเล-ขนส่งข้ามแดน ผนึกบริษัทในเครือขยายตลาดจีน-อเมริกา เข้าดำเนินงานคลังสินค้ารูปแบบออนไซต์ 15,000 ตร.ม. ลุ้นปิดดีลเสริมบริการโลจิสติกส์ E-commerce คาดมีความชัดเจนส.ค.นี้ มั่นใจรายได้ตามเป้าหมาย 9,000 ล้านบาท
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 2565 มีแนวโน้มดีจากการเข้าสู่ช่วงธุรกิจไฮซีซั่น คาดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นปีที่ 3 โดยมีปัจจัยหนุนด้านมาตรการคลายล็อคดาวน์ของประเทศจีน อีกทั้งสหรัฐอเมริกามีการพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน และ สถานการณ์ค่าเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลให้มีความต้องการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น อาทิ เช่น กลุ่มสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์, กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน โดยบริษัทมุ่งเน้นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจ (Key Drivers) ได้แก่ การเพิ่มปริมาณขนส่งสินค้าทางทะเล, การขนส่งสินค้าข้ามแดน และ ความร่วมมือกับร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจ
สำหรับบริการขนส่งทางทะเล (Sea Freight) มีปริมาณความต้องการขนส่งเพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก 2565 สามารถขนส่งสินค้าได้จำนวน 5,091 TEUS หรือคิดเป็นร้อยละ 51 โดยในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณการขนส่งทางทะเลโดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งสิ้นจำนวน 10,000 TEUS
ขณะที่ ความร่วมมือกับสาขาต่างประเทศที่ให้บริการจำนวน 9 แห่ง ประกอบด้วย WICE Logistics (Singapore) Pte.Ltd., WICE Logistics (Malaysia) Sdn.Bhd. (สาขากัวลาลัมเปอร์, ยะโฮร์ บาห์รู และ ปีนัง), WICE Logistics (Hong Kong) Ltd. (สาขาฮ่องกง, เซี่ยงไฮ้, กวางโจว, เซินเจิ้น และ หนิงโป) เพื่อขยายปริมาณการขนส่งระหว่างประเทศกลุ่มอาเซียน-จีน และ จีน-สหรัฐอเมริกา รวมถึงรองรับการย้ายฐานการผลิตของประเทศจีนกลับมาประเทศไทย ส่งผลให้มีจำนวนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายการให้บริการดังกล่าวจำนวน 3,000 TEUS ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก 2565 บริษัทสามารถขนส่งได้เป็นจำนวน 1,702 TEUS หรือคิดเป็นร้อยละ 56.73
ด้านการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) บริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ของประเทศจีน โดยบริษัทมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าหากมีการเปิดประเทศในช่วงไตรมาส 4/2565 จะส่งผลให้มีจำนวนเที่ยวบินการขนส่งเพิ่มขึ้น
ส่วนธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETL มีปริมาณความต้องการขนส่งเพิ่มขึ้นจากการให้บริการขนส่งทางรถไฟ (Road-Rail Service) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ช่วยลดปัญหาการติดค้างของสินค้าหน้าด่านศุลกากร โดยบริษัทคาดว่าหากสถานการณ์ผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ของประเทศจีนดีขึ้นและสามารถเปิดด่านขนส่งสินค้าได้ จะส่งผลให้บริษัทมีปริมาณการขนส่งที่เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ ที่จะส่งผลกับต้นทุนการให้บริการ อาทิ ค่าระวางเรือที่ปรับตัวลดลง สถานการณ์เปิดด่านขนส่งสินค้าของประเทศจีน และ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น พร้อมทั้งเตรียมแผนการให้บริการและแผนการบริหารต้นทุนล่วงหน้าเพื่อรักษาอัตราการทำกำไรให้อยู่ในเกณฑ์ดีสม่ำเสมอ
นอกจากนี้ บริษัท ไวส์ ซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ จำกัด ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนโซลูชั่นส์แบบครบวงจร ทั้งงานคลังสินค้า การกระจายสินค้า การขนส่งสินค้า (Equipment) ขนาดใหญ่ บริษัทได้เข้าดำเนินการบริหารคลังสินค้าในกลุ่มสินค้าประเภทแพคเกจจิ้งของบริษัทในเครือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) พื้นที่ขนาด 15,000 ตร.ม. โดยเป็นการให้บริการรูปแบบออนไซต์ (Onsite Warehouse Management) ครอบคลุมการออกแบบขั้นตอนการปฏิบัติงาน วางแผนและจัดหากำลังคน รวมถึงควบคุมการทำงานภายในคลังสินค้า อีกทั้ง บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรผู้จัดจำหน่ายและบริหารช่องทางการขาย E-commerce แบบครบวงจรของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะมีความชัดเจนในช่วงเดือน ส.ค. 2565
“แม้ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้พบกับปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาทิ ราคาน้ำมันและภาวะเงินเฟ้ออย่างไรก็ตามบริษัทก็สามารถรักษาการเติบโตให้อยู่ในเกณฑ์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับทิศทางครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงมุ่งเน้นดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรครอบคลุมทุกการให้บริการ ขณะเดียวกันบริษัทประเมินสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อบริหารจัดการต้นทุนการขนส่ง และ รักษาความสามารถในการทำกำไรให้อยู่ในระดับดี ประกอบกับการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นธุรกิจโลจิสติกส์ อีกทั้งปัจจัยเสริมด้านมาตรการผ่อนคลายล็อคดาวน์ของจีน และ การพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทจากจีนของสหรัฐอเมริกา และ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีปริมาณความต้องการขนส่งเพิ่มขึ้น คาดว่าจะสร้างการเติบโตของรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 9,000 ล้านบาท” นายชูเดช กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ปัจจุบัน ได้แก่ การขนส่งทางทะเล (Sea Freight) 50%, การขนส่งทางอากาศ (Air Freight) 21%, การขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) 22% และ งานซัพพลายเชนโซลูชั่นส์ 7%