WICE เผยงบ Q2 กำไรเติบโตโดดเด่น 93%

กางแผนครึ่งปีหลัง ขยายธุรกิจต่อเนื่อง สร้างการเติบโตในอนาคต

บมจ. ไวส์ โลจิสติกส์ หรือ “WICE” ส่งสัญญาณ ครึ่งปีหลังโตตามเป้า หลังอัตราค่าระวางเรือปรับตัวดีขึ้นและปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น มองสถานการณ์ค่าระวางผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เชื่อแนวโน้มดีขึ้น พร้อมรับรู้รายได้จากการขยายธุรกิจ และการลงทุนในโปรเจคต่างๆต่อเนื่อง คาดทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 20%

 

นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่าถึงผลดำเนินการไตรมาส 2/67 ว่า บริษัทมีรายได้รวมที่ 1,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% และมีกำไรสุทธิที่ 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการเติบโตในทุกธุรกิจ โดยธุรกิจขนส่งทางทะเลและอากาศ มีปริมาณการเข้านำ-ส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าระวางที่ปรับเพิ่มขึ้น เข้าสู่สภาวะปกติของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์

สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังปี 2567 น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทคาดการณ์ไว้ จากอัตราค่าระวางที่ปรับตัวดีขึ้นและผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว พร้อมปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้นทั้งทางเรือและทางอากาศ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน ทำให้เห็นปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับการขยายธุรกิจของบริษัทที่คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ รวมไปถึงการจัดตั้งบริษัทย่อยที่ประเทศฟิลิปปินส์และประเทศจีน เพื่อขยายช่องทางการให้บริการและฐานลูกค้า และการขยายพื้นที่ในการบริหารคลังสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทคาดการณ์รายได้ปีนี้จะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน

“ปีนี้สถานการณ์ของธุรกิจขนส่งทั้งปริมาณการส่งขนและค่าระวาง น่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ จากที่ช่วงหลังโควิดค่าระวางปรับขึ้นค่อนข้างแรงและต่อมามีการปรับตัวลงแรงในช่วงปี 66 ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว หลังจากนี้น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่ครึ่งปีหลังถือว่าเป็นช่วงไฮซีซัน จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ภาพรวมในปีนี้น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่น้อยกว่า 20% “ นายชูเดช กล่าวย้ำ

สำหรับความคืบหน้าในโครงการต่างๆ เช่น ธุรกิจการให้บริการขนส่งเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง จาก สปป.ลาวมายังท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อส่งอกไปยังประเทศญี่ปุ่นนั้นอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของโรงงานที่ สปป.ลาว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 4 และจะสร้างรายได้ประมาณ 150 ล้านบาทต่อปี ส่วนโครงการให้บริการขนส่งเมล็ดกาแฟดิบจากบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ซึ่งเป็นโครงการทดลองระบบการขนส่งระยะไกลด้วยยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3