WICE มั่นใจปีนี้โตตามเป้า 20% หลังค่าระวางเรือปรับขึ้น

WICE มั่นใจปีนี้โตตามเป้า 20% หลังค่าระวางเรือปรับขึ้น

 

ไวส์ โลจิสติกส์ มั่นใจผลงานปีนี้มาตามนัด เผยผลงานไตรมาส 1/67 กวาดรายได้ 976 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 39 ล้านบาท หลังอัตราค่าระวางเรือปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น ย้ำรายได้ปีนี้โตไม่น้อยกว่า 20% ลั่นเดินหน้าตามแผนต่อเนื่อง พร้อมแย้มศึกษาลงทุนขยายธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง หวังสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต

นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE เปิดเผยถึงผลดำเนินการไตรมาส 1/67 ว่า บริษัทมีรายได้รวมที่ 976 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน และมีกำไรสุทธิที่ 39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากชะลอตัวในปีที่ผ่านมา รวมถึงอัตราค่าระวางเรือที่มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเศรษฐกิจ ทำให้ปริมาณการนำเข้าและส่งออกฟื้นตัวขึ้นอีกด้วย

สำหรับปี 2567 บริษัทมั่นใจว่าการดำเนินงานจะมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังอัตราค่าระวางเรือที่มีการปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับการขยายธุรกิจใหม่ๆ ของ WICE ที่จะทยอยสร้างรายได้เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจการให้บริการขนส่งเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่งจาก สปป.ลาวมายังท่าเรือแหลมฉบัง รวมถึงการให้บริการขนส่งเมล็ดกาแฟดิบจากบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ซึ่งเป็นโครงการทดลองระบบการขนส่งระยะไกลด้วยยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงกลางปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายพื้นที่ในการบริหารคลังสินค้าใหม่ โดยบริษัทได้วางตั้งเป้าขยายพื้นที่อีก 20,000 ตารางเมตรในปีนี้

“ทิศทางของผลการดำเนินงานหลังจากนี้ เราเชื่อว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากงบไตรมาส 1/2567 ที่ออกมาล่าสุด เติบโตขึ้นกว่าไตรมาส 4/2566 ที่ผ่านมา และมีแนวโน้มจะดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาสถัดๆ ไป ประกอบกับธุรกิจใหม่ๆ ที่บริษัทได้ลงทุนขยายไปเริ่มดำเนินการได้ ซึ่งจะหนุนให้ผลประกอบการของ WICE ในปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วาง

 

ปัจจัยที่จะส่งเสริมให้ผลประกอบการดีต่อเนื่องจะมาจากจำนวนงานจากลูกค้าเดิมเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และธุรกิจใหม่ๆ ที่บริษัทได้ขยายงานไปในช่วงที่ผ่านมา จะเริ่มสร้างรายได้เข้ามาตั้งช่วงกลางปีนี้ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยในการผลักดันผลการดำเนินให้กับบริษัทด้วย” นายชูเดช กล่าว 

ทั้งนี้ ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทจะเป็นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มผู้ผลิตอาหาร และกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นหลัก ซึ่งลูกค้าหลักของบริษัทยังคงถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้นทั้งหมด โดยตลาดหลักๆ ที่บริษัทให้บริการยังคงเป็นประเทศในเอเชีย และอเมริกาเป็นหลัก ซึ่งในปัจจุบันทั้งตลาดอเมริกา และตลาดเอเชีย อย่างจีนที่เป็นตลาดหลักเริ่มมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะส่งผลให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมมีการกระเตื้องขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทยังคงมีการศึกษาลงทุนขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างรายได้จากหลากหลายช่องทาง สร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้บริษัท โดยกลุ่มธุรกิจที่บริษัทมีความสนใจในธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกัน เพื่อจะขยายเครือข่ายให้กว้างขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถขยายไปยังตลาดใหม่ๆ ได้เพิ่มขึ้นด้วย