export import wice

ทำความเข้าใจกับภาษีนำเข้า คิดอย่างไรและต้องจ่ายเท่าไหร่

ทำความเข้าใจกับภาษีนำเข้า คิดอย่างไรและต้องจ่ายเท่าไหร่

ความรู้รอบตัวที่ควรทราบก่อนนำเข้า/ส่งออกสินค้า และลองคำนวน พิจารณาส่งของหรือซื้อของเพื่อเอาเข้ามาเป็นของฝาก รู้ล่วงหน้าหากมีการเรียกเก็บภาษีขาเข้ากับคุณ

 

1. วัตถุประสงค์ในการจัดเก็บภาษีศุลกากร และภาษีสรรพสามิต

การจัดเก็บภาษีศุลกากร

  1. เป็นการหารายได้ให้กับรัฐบาล
  2. เพื่อคุ้มกันอุตสาหกรรมภายในประเทศ
  3. เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ
  4. เพื่อเป็นการส่งเสริมหรือจำกัดการบริโภค

ศุลกากรระบุไว้ว่า “หากเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย รัฐบาลจะจัดเก็บอากรขาเข้าในอัตราค่อนข้างสูงเพื่อให้ประชาชนบริโภคน้อยลง ถ้าเป็นสินค้าที่มีประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น อุปกรณ์การศึกษาและกีฬา การเกษตรกรรม เป็นต้น รัฐบาลจะจัดเก็บอากรขาเข้าในอัตราที่ต่ำ”

วัตถุประสงค์ในการเก็บภาษีสรรพสามิต
1. เป็นรายได้ของรัฐบาล
2. เป็นเครื่องมือในการควบคุมการบริโภค
3. เป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

ภาษีสรรพสามิตจัดเก็บจากสินค้าและบริการที่ฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพของประชาชน ผู้ที่มีรายได้สูงเท่านั้นที่จะบริโภคได้ ฉะนั้นจึงเป็นการควบคุมการบริโภคของประชาชนได้ทางหนึ่ง
จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมภาษีที่เจ้าหน้าที่เรียกเก็บสินค้าแบรนด์เนมจำพวก กระเป๋า รองเท้า น้ำหอม หรือของอื่นที่จัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยจำนวนค่อนข้างสูง

 

2. วิธีการกำหนดราคาศุลกากร หรือ ฐานภาษี

การกำหนดราคาศุลกากรตามหลักการของแกตต์ (GATT Valuation คือ ราคาจากองค์การศุลกากรโลก World Trade Organization: WTO) มี 6 วิธี ดังนี้

  1. การกำหนดราคาศุลกากรวิธีที่ 1 ราคาซื้อขายของที่นำเข้า
  2. การกำหนดราคาศุลกากรวิธีที่ 2 ราคาซื้อขายของที่เหมือนกัน
  3. การกำหนดราคาศุลกากรวิธีที่ 3 ราคาซื้อขายของที่คล้ายกัน
  4. การกำหนดราคาศุลกากรวิธีที่ 4 ราคาหักทอน
  5. การกำหนดราคาศุลกากรวิธีที่ 5 ราคาคำนวณ
  6. การกำหนดราคาศุลกากรวิธีที่ 6 ราคาย้อนกลับ

3. ทำความเข้าใจกับพิกัดอัตราภาษีศุลกากร และสินค้าจำพวกไหนบ้างที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต

เพราะสินค้าทุกอย่างถูกเก็บภาษีไม่เท่ากัน พิกัดอัตราศุลกากร คือ การจำแนกประเภทสินค้าออกเป็นประเภทต่างๆ โดยการจัดหมวดหมู่ให้เป็นระบบเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี พิกัดอัตราศุลกากรขาเข้า ประกอบด้วย 21 หมวด (97 ตอน) ดังนั้นของแต่ละอย่างจึงมีอัตราเรียกเก็บภาษีที่ต่างกัน โปรดดูรายละเอียดของสินค้าย่อยในแต่ละหมวดตามเอกสารหน้า 11-19 ด้านล่างนี้
นอกจากภาษีศุลกากรแล้ว ควรทราบด้วยว่าสินค้าบางอย่างก็มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตด้วยเช่นกัน การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตมีทั้งหมด 21 รายการ ดังนี้

  1. สุรา*
  2. หินอ่อนและหินแกรนิตที่แปรรูปแล้ว (ได้รับการยกเว้นภาษี)
  3. ไพ่
  4. น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน
  5. สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน
  6. เครื่องไฟฟ้า
  7. แก้วและเครื่องแก้ว
  8. รถยนต์*
  9. เรือ
  10. สลากกินแบ่ง (ได้รับการยกเว้นภาษี)
  11. พรมและสิ่งปูพื้นอื่นๆ
  12. รถจักรยานยนต์
  13. ยาสูบ
  14. แบตเตอรี่
  15. เครื่องดื่ม
  16. สนามแข่งม้า
  17. สนามกอล์ฟ
  18. กิจการโทรคมนาคม
  19. ไนต์คลับและดิสโก้เธค
  20. สถานอาบน้ำหรืออบตัวและนวด
  21. ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมและเครื่องสำอาง*

 

4. ของที่ได้รับการยกเว้นอากร มีอะไรบ้าง

โดยหลักๆ แล้วของทุกชนิดที่นำเข้าราชอาณาจักรหรือนำออกจากราชอาณาจักรจะต้องเสียอากรแต่มีบางชนิดที่กฎหมายกำหนดให้เป็นของที่ได้รับการยกเว้นอากรซึ่งมี 18 ประเภท ยกตัวอย่างคร่าวๆ
ประเภทที่ 1 ของส่งออก รวมทั้งของที่ส่งกลับไป ซึ่งนำกลับเข้ามาภายใน 1 ปีโดยไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะหรือรูปแต่ประการใดและในเวลาที่ส่งออกนั้นได้รับใบสุทธิสำหรับนำกลับเข้ามาแล้ว ได้รับยกเว้นอากร

ประเภทที่ 2 ของที่นำเข้ามาในประเทศไทยซึ่งได้เสียอากรไว้ครบถ้วนแล้ว และภายหลังส่งกลับออกไปซ่อม ณ ต่างประเทศ หากนำกลับเข้ามาภายในหนึ่งปี หลังจากที่ได้รับใบสุทธิสำหรับนำกลับเข้ามาซึ่งได้ออกให้ในขณะที่ได้ส่งออกแล้ว ได้รับยกเว้นอากร

ประเภทที่ 4 รางวัลและเหรียญตราที่ทางต่างประเทศมอบให้แก่บุคคลที่อยู่ในราชอาณาจักร เพื่อเป็นเกียรติในความดีเด่น ทางศิลปะ วรรณกรรม วิทยาศาสตร์ การกีฬา หรือบริการสาธารณะหรือเพื่อเป็นเกียรติประวัติในความสำเร็จหรือ พฤติกรรมอันเป็นสาธารณประโยชน์แต่เฉพาะรางวัลนั้นจะต้องอยู่ในดุลพินิจของอธิบดีกรมศุลกากรที่จะพึงพิจารณาตามแต่จะเห็นสมควร ได้รับยกเว้นอากร

ประเภทที่ 5 ของส่วนตัวที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนสำหรับใช้เอง หรือใช้ในวิชาชีพ และมีจำนวนพอสมควรแก่ฐานะ เว้นแต่รถยนต์ อาวุธปืนและกระสุนปืน และ เสบียง แต่สุรา บุหรี่ ซิการ์หรือยาเส้นซึ่งเป็นของส่วนตัวที่ผู้เดินทางนำเข้ามาพร้อมกับตนนั้น อธิบดีกรมศุลกากรอาจออกข้อกำหนดยกเว้นอากรให้ได้ตามที่เห็นสมควรเป็นแห่งๆ ไป แต่ต้องไม่เกินปริมาณ ดังนี้

  1. บุหรี่สองร้อยมวน หรือซิการ์ หรือยาเส้นอย่างละสองร้อยห้าสิบกรัม หรือหลายชนิดรวมกันมี น้ำหนักทั้งหมดสองร้อยห้าสิบกรัม แต่ทั้งนี้บุหรี่ต้องไม่เกินสองร้อยมวน
  2. สุราหนึ่งลิตร

ประเภทที่ 6 ของใช้ในบ้านเรือนที่ใช้แล้วที่เจ้าของนำเข้ามาพร้อมกับตนเนื่องในการย้ายภูมิลำเนา และมีจำนวนพอสมควรแก่ฐานะ

ประเภทที่ 11 ของที่นำเข้ามาหรือส่งออกไปเพื่อบริจาคเป็นการสาธารณกุศลแก่ประชาชนโดยผ่านส่วนราชการหรือองค์การสาธารณกุศล หรือเป็นของที่นำเข้ามาเพื่อให้แก่ส่วนราชการหรือองค์การสาธารณกุศล

ประเภทที่ 12 ของที่นำเข้าโดยทางไปรษณีย์ ซึ่งแต่ละหีบห่อมีราคาไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือของที่นำเข้าทางสนามบินศุลกากร ซึ่งแต่ละรายมีราคาไม่เกินหนึ่งพันบาท

ประเภทที่ 14 ตัวอย่างสินค้าที่ใช้ได้แต่เพียงเป็นตัวอย่างและไม่มีราคาในทางการค้า

ประเภทที่ 16 ของที่นำเข้ามาสำหรับคนพิการใช้โดยเฉพาะ หรือใช้ในการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการตามหลักเกณฑ์

รายละเอียดทั้งหมดสามารถดูได้จากเอกสารด้านล่าง

 

5. อัตรา อากรขาเข้าและอัตราภาษีสรรพสามิตมีอะไรบ้าง

ตัวอย่างอากรขาเข้าสำหรับรถยนต์


ตัวอย่างอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับน้ำหอม

ตัวอย่างตารางคำนวณอากรขาเข้ารถยนต์ ข้อมูลของกรมศุลกากรจากอินเตอร์เน็ต

 

ถ้าราคารถอยู่ที่ 100 อัตราอากรทั้งหมด = 213.171 หรือ 213.171%จากราคารถที่นำเข้า นั่นเอง

 

6. คุณสามารถชำระภาษีด้วยวิธีได้บ้าง

การชำระภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตผ่านกรมศุลกากร หรือด่านศุลกากรได้ 2 วิธี ดังนี้
1. การชำระค่าภาษีอากร ณ กรมศุลกากร เมื่อระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรได้ออกเลขที่ใบขนสินค้าให้แล้ว สามารถไปชำระค่าภาษีอากร ณ หน่วยการเงินของท่า หรือที่ หรือสนามบินที่นำของเข้า/ส่งของออก โดยแจ้งเลขที่ใบขนสินค้าและจำนวนค่าภาษีอากร เพื่อยื่นขอชำระค่าภาษีอากรเป็นเงินสด หรือแคชเชียร์เช็คหรือบัตรภาษี เมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยการเงินได้รับชำระค่าภาษีอากรแล้ว จะสั่งพิมพ์และลงนามในใบเสร็จรับเงิน เพื่อมอบใบเสร็จรับเงินให้ผู้ชำระค่าภาษีอากรทันที
2. ชำระเงินผ่านธนาคารทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Funds Transfer : EFT)

ที่มา : https://pantip.com/topic/32318430
โปรดตรวจสอบราคาศุลกากร อัตราอากรขาเข้าและอัตราภาษีสรรพสามิตจากข้อมูลล่าสุดก่อนการนำเข้าที่
กรมศุลกากร http://www.customs.go.th/
กรมสรรพสามิต http://www.excise.go.th/