6 เรื่องน่ารู้ ก่อนส่งสินค้าไปขายจีน
6 เรื่องน่ารู้ ก่อนส่งสินค้าไปขายจีน
แม้จีนจะเป็นประเทศที่เคยได้รับผลกระทบจาก “โควิด-19” แต่เพียงไม่นานก็กลับฟื้นตัวจากโรคระบาดได้รวดเร็วมากอย่างไม่น่าเชื่อ ตอนนี้จีนกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติแทบจะเกือบหมดแล้ว สินค้าที่ทำตลาดที่จีนจึงแทบจะไม่มีผลกระทบมากนัก ยังคงขายได้ ขายดี ยอดขายเติบโตสวนกระแสกับประเทศอื่น ๆ เรื่องควรรู้สำหรับผู้ประกอบการที่จะส่งออกสินค้าไปบุกตลาด “จีน” ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของสินค้าหลายประเภทจากทั่วโลก พฤติกรรมของผู้บริโภคจีนเป็นอย่างไร? สินค้าอะไรที่ขายดีบ้าง? WICE ได้รวบรวมข้อมูลมาฝากกัน
ผู้ประกอบการต้องเข้าใจพฤติกรรมคนจีนยุคใหม่
พฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนมีความหลากหลายทั้งภูมิภาค ความแตกต่างทางวัฒนธรรม เพศ อายุ ผู้ประกอบการต้องศึกษาให้ดี โดยเริ่มจากกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นคนที่มีอายุระหว่าง 12-26 ปีก่อน
ปัจจุบัน จีนมี Gen Z อยู่ราว 260 ล้านคน คิดเป็นราว 15% ของจำนวนประชากรโดยรวม ใน ด้วยรายได้จากการทำงานที่ดี ทำให้คนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูงในเชิงคุณภาพ โดยคิดเป็นถึงราว 25% ของการซื้อหาแบรนด์สินค้าใหม่ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงพัฒนาขึ้นเป็นกลุ่มคนที่มีบทบาทต่อภาคการบริโภคภายในประเทศ และเป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจสำคัญของจีนในอนาคต
ในแง่ของพฤติกรรมการทำงานและการใช้ชีวิต ผลการศึกษาของ Zhaopin.com ระบุว่า Gen Z ให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว โดยพิจารณาปัจจัยเชิงบวกหลายด้านไปพร้อมกัน อันได้แก่ งาน และสภาพแวดล้อมด้านนวัตกรรม รวมทั้งพัฒนาการของอุตสาหกรรมบันเทิง คนกลุ่มนี้จึงมีแนวโน้มโยกย้ายถิ่นฐานเข้าไปหางานทำในเมืองเอกมากขึ้น อาทิ ปักกิ่ง เซินเจิ้น และเซี่ยงไฮ้ เหตุเพราะคนเหล่านี้เติบโตและใช้ชีวิตในช่วงที่เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว
คนกลุ่ม Gen Z มีพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยอย่างไร
จากวิจัยของ Mckinsey ระบุว่าด้วยความพร้อมของระบบนิเวศด้านดิจิตัลในยุคหลัง ทำให้เศรษฐกิจดิจิตัลเติบโตในจีน ส่งผลให้ Gen Z นิยมจับจ่ายใช้สอยทางออนไลน์มากขึ้น ทั้งนี้ คนกลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับข้อมูลที่ได้รับจากการบอกต่อออนไลน์ (Online Word-of-Mouth) เช่น การรีวิวสินค้าในแพล็ตฟอร์มที่ได้รับความนิยมอย่างเถาเป่า (Taobao) และความคิดเห็นของเพื่อนและครอบครัวในสื่อสังคมออนไลน์
นอกจากนี้ คนเชียร์สินค้าออนไลน์ หรือที่นิยมเรียกกันในจีนว่า “KOL” (Key Opinion Leaders) ก็นับว่ามีอิทธิพลสูงต่อการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านการ Livestreaming
นอกจากนี้ Gen Z ยังพร้อมจ่ายเงินซื้อสินค้าโดยเน้นที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ ดีต่อสุขภาพ และแบรนด์ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะและความคุ้มค่า ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ คนกลุ่มนี้ “รักแล้ว รักเลย” กล่าวคือมีระดับของความภักดีต่อแบรนด์ที่ดีมากขึ้น โดยใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อน้อยกว่าคนกลุ่มอื่น
นอกจากนี้ ในปี 2025 Gen Z จะมีสัดส่วนถึง 25% ของจำนวนประชากรในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งหมายความว่า แบรนด์จีนจะสามารถใช้ช่องทางการค้าออนไลน์ในการขยายสู่ตลาดต่างประเทศในวงกว้าง และก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลกได้ในระยะยาว
“กลุ่มที่โตในยุคนโยบายลูกคนเดียว” คืออีกหนึ่งกำลังซื้อหลักออนไลน์
แม้ว่าจีนจะยกเลิกการใช้นโยบายมีลูกคนเดียวมาตั้งแต่ปี 2015 แต่กลุ่มเป้าหมายที่ควรศึกษาอีกกลุ่มนอกจาก Gen Z คือ กลุ่มที่เติบโตมาจากนโยบายลูกคนเดียว เพราะคนกลุ่มนี้มีพฤติกรรมซื้อสินค้าออนไลน์เป็นช่องทางหลัก และรองลงมาคือ กลุ่มผู้สูงอายุที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อสูง
จด Trademark เป็นเรื่องสำคัญ
การจดเครื่องหมายการค้า (Trade Mark) ก่อนไปบุกตลาดจีนเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพื่อป้องกันการเสียเปรียบทางธุรกิจ เพราะหลายครั้งที่ SMEs ไทยเข้าไปทำตลาดในจีน แต่ส่วนใหญ่ไม่จด Trade Mark ให้เรียบร้อย เพราะคิดว่าสินค้ายังไม่ติดตลาด กระทั่งเมื่อไปจด Trade Mark จริงๆ กลับพบว่าสินค้าถูกจดเครื่องหมายการค้าเรียบร้อยแล้ว ทำให้เสียผลประโยชน์
ชาวจีนฮิต “ สินค้าสุขภาพความงาม”
ช่วงเทศกาลช้อปปิ้ง 6.18 ซึ่งเป็นเทศกาลออนไลน์กลางปีครั้งยิ่งใหญ่อีกงานหนึ่งของจีน ในปีนี้ได้สร้างสถิติสูงสุดมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยสินค้าที่ขายดีและมาแรง คือ สินค้าสุขภาพความงาม และผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่องสุขภาพ โดยชาวจีนมีพฤติกรรมการออกกำลังกายที่เปลี่ยนไป ซึ่งนิยมหันมาออกกำลังกายที่บ้านผ่านสื่อออนไลน์และแอปพลิเคชั่นแทนการเข้าฟิตเนสและการจ้างเทรนด์เนอร์ อีกทั้งจีนได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์ “Healthy China 2030” เพื่อส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่มีการเล่นกีฬามากขึ้น ส่งผลให้ตลาดเครี่องออกกำลังกายและเครื่องแต่งกายกีฬาจีนเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน อายุ 23-30ปี ที่นิยมออกกำลังกายประเภทโยคะและฟุตบอล ปั่นจักรยาน และปีนเขา เป็นต้น
ในปี 2563 จีนมีมูลค่าตลาดเครื่องแต่งกายชุดกีฬาสูงถึง 3.15 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.57 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้นจาก 10 ปีที่ผ่านมากว่าสองเท่าตัว ซึ่งเครื่องแต่งกายชุดกีฬาที่มีมูลค่าสูง 3 ลำดับแรก คือ เครื่องแต่งกายแนวสปอร์ต เครื่องแต่งกายกีฬาแบบผ้ายืด และเครื่องแต่งกายกีฬากลางแจ้ง ในขณะที่รองเท้ากีฬา ได้แก่ รองเท้าสไตล์สปอร์ต รองเท้ากีฬาทั่วไป และรองเท้าสำหรับกิจกรรม Outdoor ซึ่งคาดว่าตลาดเครื่องแต่งกายชุดกีฬา เครื่องกีฬาและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแอปพลิเคชั่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และสื่อออนไลน์ จะยังมีแนวโน้มที่สดใสสามารถเติบโตไปได้ต่อเนื่องอย่างสัมพันธ์กัน
สร้าง Content ให้เห็นความคุ้มค่าที่จะซื้อ
โซเชียล แพลตฟอร์มที่กำลังเป็นที่นิยมในจีนคือ TikTok ซึ่งเป็นช่องทางที่ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะ TikTok For Business สามารถตอบโจทย์การทำการตลาดแบบ Full-Funnel Marketing Solution พร้อมด้วยเครื่องมือต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างการเติบโตได้บนแพลตฟอร์มหากเจ้าของแบรนด์สร้างสรรค์ Content ที่ทำให้เห็นถึง “ความคุ้มค่าที่จะซื้อ” ได้มากเท่าไร ย่อมได้เปรียบ เพราะจากข้อมูลพบว่า 64% ของผู้บริโภคจีนนั้นยินดีที่จะลองสินค้าใหม่
รู้จักใช้เครื่องมือของจีน
WeChat เป็นแอปพลิเคชันยอดนิยมของชาวจีน นอกจากจะเป็นช่องทางในการสื่อสารการตลาดออไลน์ ยังนำมาใช้ทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ด้วย WeChat ขึ้นชื่อเรื่องความครอบคลุมในการใช้งาน – โดยพื้นฐานแล้วครอบคลุมผู้บริโภคชาวจีนทั้งหมดในชีวิตประจำวัน ผู้ใช้สามารถเรียกดู“ ช่วงเวลา” ที่เพื่อนและแบรนด์ที่สนใจเผยแพร่ซื้อสินค้าหรือแม้กระทั่งโอนเงินให้เพื่อน นอกเหนือจากกิจกรรมออนไลน์ WeChat ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อโลกออฟไลน์ สามารถชำระเงินในร้านค้าจริง หรือแม้แต่เรียกแท็กซี่ นี่คือเหตุผลที่ผู้ใช้ใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 85.8 นาทีต่อวันในขณะที่ 34% ของข้อมูลมือถือทำงานสำหรับ WeChat เวลาในการใช้งานที่นานขึ้นหมายถึงโอกาสที่โฆษณาสินค้าจะถูกเปิดเผยต่อผู้ชม ดังนั้น SMEs ไทยที่คิดจะเข้าไปเจาะตลาดจีน ต้องรู้จัก WeChat และนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับธุรกิจ โดยผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในประเทศจีนแล้วสามารถสร้างบัญชีผู้ใช้เองได้ หรือจะให้บริษัทที่เชี่ยวชาญในด้านนี้มาดูแลให้ก็ได้ เพราะจะต้องหมั่นสร้างคอนเทนต์ และบริหารงานแอคเคาท์ให้มีการเติบโต เพิ่มจำนวนผู้ติดตามเพื่อสร้างยอดขายให้สูงเพิ่มขึ้นได้ต่อไป
ข้อมูลจาก: brandbuffet, ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร, DITP
ภาพประกอบจาก: freepik