เป็นเวลากว่า 9 ปีที่บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (WICE) ก้าวสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558 ซึ่งเราไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาธุรกิจเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์ในระดับภูมิภาคเอเชียที่มีบริการครบวงจร โดยยึดมั่นหลักการการเติบโตอย่างยั่งยืน

ในปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกปีที่ท้าทายความสามารถของบริษัทฯ เป็นอย่างยิ่ง เศรษฐกิจของประเทศไทยชะลอตัวตั้งแต่ต้นปีจนกระทั่งสิ้นปี มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังต่างประเทศในปีที่ผ่านมาลดลงร้อยละ 1 เหลือ 2.85 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จาก 2.87 แสนล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปี 2565 ประกอบกับการปรับตัวลดลงของอัตราค่าระวางเรือและทางอากาศ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อการดำเนินงานของ WICE อย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก ทำให้รายได้จากการขนส่งสินค้าของบริษัทฯ ปรับตัดลดลงไปในทิศทางเดียวกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ

อย่างไรก็ดี แม้ปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้จะกดดันการขยายตัวของรายได้หลักของบริษัทฯ แต่บริษัทฯ ก็ได้พยายามปรับกลยุทธ์องค์กรมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการต้นทุนมากขึ้น เดินหน้าขยายพื้นที่ให้บริการคลังสินค้าในตลาดใหม่ๆ มีการลงทุนสร้างโครงข่ายพันธมิตรในจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งที่สำคัญในเอเชีย รองรับการขยายตัวของการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ ด้วยความมุ่งมั่นในการแก้โจทย์ที่ท้าทายการเติบโต ทำการพัฒนาบริหารงาน และพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพ จึงทำให้บริษัทยังคงรักษาอัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นในอยู่ในระดับร้อยละ 18.5 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ร้อยละ 17.8

สำหรับปี 2567 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าการส่งออกจะขยายตัวร้อยละ 1.99 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งน่าจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่บรรเทาลง และการสิ้นสุดการใช้นโยบายการเงินตึงตัวของประเทศเศรษฐกิจหลัก ทั้งหมดนี้น่าจะส่งผลดีต่อปริมาณการค้าโลกให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น และน่าจะส่งผลเชิงบวกกับการดำเนินงานของบริษัทฯ

บริษัทฯ จึงวางกลยุทธ์ในปี 2567 มุ่งเน้นขยายการลงทุนไปในกิจการต่างๆ เพื่อรองรับโอกาสในการเติบโต หลังจากที่เศรษฐกิจภายนอกและภายในประเทศน่าจะค่อยๆ เริ่มฟื้นตัวขึ้น โดยในส่วนของธุรกิจขนส่งทางทะเลและทางอากาศ ซึ่งเป็นบริการที่มีสัดส่วนรายได้ค่อนข้างสูงของบริษัทฯ แต่จากสถานการณ์การปรับตัวลดลงของอัตราค่าระวางเรือและอากาศ บริษัทฯ จึงมีแผนที่จะจัดการบริหารต้นทุนกระบวนการทำงานร่วมกันในกลุ่มของ WICE ในสิงค์โปร มาเลเซีย ฮ่องกง และจีน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง ซึ่งจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถรักษาอัตราการทำกำไรได้ดีขึ้น นอกจากนี้ แนวโน้มรายได้จากบริการขนส่งทางทะเลของบริษัทฯ ในปีนี้น่าจะปรับตัวขึ้น จากสถานการณ์ปัญหาทะเลแดงที่อาจยืดเยื้อจนส่งผลให้อัตราค่าระวางเรือมีแนวโน้มที่สูงขึ้นได้

ส่วนบริการ Cross Border นั้น บริษัทฯ เตรียมขยายไปสู่ธุรกิจโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain) ตั้งแต่ในช่วงปลาย ไตรมาสที่ 1  ของปี 2567 ซึ่งบริษัทฯ คาดการณ์ว่า ในปีนี้รายได้จากการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิจะมีความโดดเด่น หลังจากที่รับปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐที่ส่งเสริมการส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศจีน ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมแผนการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิเพิ่มขึ้นรองรับปริมาณการขนส่งที่จะมีเข้ามาในปีนี้เช่นกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการบริหารเที่ยววิ่งเปล่าขากลับให้มีปริมาณลดน้อยลงจากปี 2566 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรให้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

เนื่องด้วยบริษัทฯ เล็งเห็น โอกาสการเติบโตทางธุรกิจของบริการดังกล่าว บริษัทฯ จึงมีแผนในการลงทุน เพื่อเพิ่ม Capacity ของบริการ Cross Border ภายหลังจากที่บริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETL ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ได้จัดตั้ง บริษัท ไวส์โกลบอลโรดโซลูชั่น (WGRS) ในประเทศสิงค์โปร์ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ WICE Logistics (Singapore) Pte.Ltd ถือหุ้น 100% เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและสร้างสรรค์โซลูชั่นแก่ลูกค้าในการให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Transportation Carrier) แบบครบวงจร พร้อมขยายพื้นที่ให้บริการในตลาดใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มบริษัทของ WICE

ด้านบริการ Transport (EV TRUCK) โดยเฉพาะการขนส่งบริษัทขนส่งด้วยรถบรรทุกไฟฟ้า (EV TRUCK) ถือเป็นหนึ่งในโปรเจ็กต์ที่ WICE ได้ริเริ่มและผลักดันมาโดยตลอด เพื่อมุ่งสู่ความเป็นผู้นำในการยกระดับองค์กรสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน นอกจากจะเป็นการช่วยบริหารต้นทุนค่าขนส่งจากความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลกแล้ว ยังสอดรับกับแนวทางความร่วมมือทางธุรกิจด้านพลังงานสะอาด และเพื่อการผลักดันเป้าหมายในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาธิบาล (ESG) บริษัทฯ จึงได้เปิดตัวนำร่องขนส่งเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง (Wood Pellet) จาก สปป.ลาวมายังประเทศไทยโดยใช้ EV TRUCK ซึ่งจะเริ่มในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

ด้วยกลยุทธ์ทั้งหมดถือเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายการเป็นผู้นำด้านการให้บริการโลจิสติกส์ในระดับภูมิภาคเอเชียที่มีบริการครบวงจรตามวิสัยทัศน์ขององค์กร โดยบริษัทฯ จะมุ่งเน้นในการขยายธุรกิจในทุกด้าน ทั้งการขนส่งทางทะเล ทางอากาศ โดยจะเพิ่มปริมาณการขนส่ง ด้วยการใช้เครือข่ายบริษัทฯ ในกลุ่มเพื่อขยายฐานลูกค้าและลดต้นทุนในการบริหารจัดการ เพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจในด้านต่างๆ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต ซึ่งการดำเนินการทุกด้านเหล่านี้จะยึดหลักการเติบโตอย่างความยั่งยืนเป็นสำคัญ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนการที่จะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากการหาพันธมิตร ที่จะเข้ามาส่งเสริมความแข็งแกร่งให้ในด้าน Green Logistics Hub และ การขนส่งด้วยรถบรรทุก EV อีกด้วย

จะเห็นได้ว่า บริษัทฯ นั้นมุ่งเน้นการสร้างความเติบโตให้ธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงหลักการ ESG รวมทั้งให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัทฯ ในทุกมิติ ทั้งบุคลากรในองค์กร ซึ่งนอกจากต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นในการยกระดับทักษะของบุคลากร เพื่อให้พวกเขาเติบโตในสายงานควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ให้กับองค์กร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ตามปณิธานที่วางไว้

แม้ว่า ปีนี้จะเป็นอีกปีที่มีความท้าทายในทุกด้าน แต่คณะผู้บริหาร และพนักงานทุกคน พร้อมที่จะฝ่าฟันปัญหา อุปสรรค และมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างความเติบโตและผลกำไรที่มั่นคงและยั่งยืนให้ WICE โดยยึดมั่นหลักธรรมาภิบาลควบคู่กับการกำกับดูแลด้วยความโปร่งใสเป็นสำคัญ

สุดท้ายนี้ ดิฉันขอขอบคุณผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ทั้งผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ คู่ค้า ลูกค้า ที่เชื่อมั่น ไว้วางใจ สนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา และที่สำคัญที่สุด ขอขอบคุณคณะผู้บริหารและพนักงานทุกฝ่าย ที่ได้ให้ความไว้วางใจและความร่วมมือในการผลักดันและเปลี่ยนแปลงองค์กร เพื่อให้บริษัทฯ เดินหน้าไปสู่วิสัยทัศน์ที่วางไว้ตามหลักการการเติบโตอย่างยั่นยืน และสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มในทุกมิติ