ตามหา…จิ๊กซอว์ชีวิต (บทความโดย..คุณ Kim)
ดิฉันเคยเขียนบทความเรื่องจิ๊กซอว์ความสุข และต่อด้วยกลยุทธ์จิ๊กซอว์ไม้ไผ่ จิ๊กซอว์เป็นตัวอย่างง่ายๆ ที่เห็นภาพได้ชัดเจน ทุกคนรู้จักและเข้าใจวิธีการเล่นและรู้ว่าเกมส์จิ๊กซอว์จะจบลงได้อย่างไร กับอีกด้านหนึ่งมุมหนึ่งของชีวิตคนเรา ลองนั่งมองดูว่าถ้าทุกคนเป็นเสมือนจิ๊กซอว์ ตัวน้อย มีทั้งขาดและเกิน ไม่มีใครสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ทุกคนต้องการความพอดีของชีวิต มีการมองหาความพอดีเพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาด และในขณะเดียวกันความเกินของเราก็สามารถเติมเต็มชีวิตให้ผู้อื่นให้สมบูรณ์ได้ ต้องการการหยิบยื่นให้กันและกันเหมือนผู้คนในสวรรค์ ความสุข และความผาสุก มันช่างอยู่ใกล้เราซะเหลือเกินอย่างน่าอัศจรรย์
มีเรื่องเล่าที่น่าสนใจมากๆ ถึงคนที่เปรียบเทียบนรกกับสวรรค์ให้ฟัง เมื่ออาแป๊ะใกล้ตายอยากรู้ว่านรกกับสวรรค์นั้นต่างกันอย่างไร ยมฑูตใจดีก็พาอาแป๊ะไปชม ทางไปนรกและสวรรค์ก็เป็นทางเดินเดียวกัน เดินมาซักพักหนึ่งก็มาหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างสองประตู ด้านหนึ่งคือประตูนรก อีกด้านหนึ่งคือประตูสวรรค์ อาแป๊ะสงสัยว่าประตูไปนรก และสวรรค์มันอยู่ใกล้กันเพียงนี้เชียวหรือ ยมฑูตตอบว่า ใช่ มันอยู่ใกล้กันมากเลยทีเดียว ยมทูตถามอาแป๊ะว่าอยากชมอันไหนก่อนดี อาแป๊ะขอไปชมนรกก่อน ยมฑูตก็ผลักประตูเข้าไปอย่างง่ายดาย
เมื่อเข้าไปข้างในภาพที่อาแป๊ะเห็นก็ตื่นตาตื่นใจ มีโต๊ะขนาดใหญ่มหึมาอยู่กลางห้อง ความยาวสุดลูกตา บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารชั้นเลิศมากมายหลายชนิด ทั้งของคาว ของหวาน ผักผลไม้ทุกประเภท พรั่งพร้อมสมบูรณ์ระดับอภิมหาเศรษฐีในเมืองมนุษย์พึงมี พึงหามาได้ นำมาเสริฟอย่างงดงามน่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง ฝั่งผนังห้องก็จะเป็นตู้กระจกอย่างดี แวววาวหรูหรางดงาม ทุกตู้ก็เต็มไปด้วยแก้วแหวนเงินทอง เพชรนิลจินดา เสื้อผ้าแพรพรรณ ล้นหลามด้วยเครื่องประดับ ตกแต่งอย่างสวยสดงดงาม น่าสวมใส่แบบอดใจไม่ไหว เก้าอี้ที่วางไว้ประจำโต๊ะ ก็เป็นเก้าอี้อย่างดี ใหญ่โตโอบอุ้มคนให้นุ่มสบาย และมีผู้คนมากมายในห้อง มากจนมองสุดหูสุดตา
ผู้คนเหล่านั้นนั่งประจำเก้าอี้ไม่ลุกไปไหน อาแป๊ะสงสัยว่านรกทำไมสวยงามพรั่งพร้อมเช่นนี้ แต่ทำไมคนที่นั่งแต่ละคนผอมแห้งเหมือนคนขาดสารอาหารทั้งๆ ที่มีอาหารเต็มโต๊ะ ใบหน้าซีดเซียว ลูกตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า สายตาเลิ่กลั่ก แต่ละคนมีอาการหวาดระแวง กระสับกระส่าย และวิตกกังวล ยมฑูตตอบว่าใช่ในนรกมีทุกอย่างพรั่งพร้อม และอธิบายเพิ่มเติมว่า แต่กฏของนรกก็คือทุกคนจะมีแขนยาวสองเมตร มือซ้ายและมือขวาเป็นช้อน ไม่ใช่แขนสั้น และมีมือห้านิ้วแบบมนุษย์
เพราะฉะนั้นทุกคนจะไม่สามารถหยิบ หรือตักอาหารกินเองได้ อาแป๊ะเข้าใจและสังเกตการณ์ต่อ ปรากฏว่าเมื่อใดที่มีคนตักอะไรก็ตาม ก็จะมีคนอื่นคอยขัดขวาง กีดกัน และแย่งชิงกันตลอดเวลา แต่ละคนแสดงความเป็นเจ้าของในทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้ไม่มีใครสามารถใช้มือช้อนตักสิ่งใดได้เลย ทุกคนจึงดูเหมือนปู่โสมเฝ้าทรัพย์ หยิบและกินอะไรไม่ได้เลย อาแป๊ะเกิดความสงสัยใคร่รู้ว่าแล้วสวรรค์ล่ะเป็นอย่างไรกัน จึงขอยมฑูตเปลี่ยนไปดูสวรรค์ ทั้งคู่เดินออกจากห้องไปที่ทางเดินทางเดิม หันหน้าไปทางประตูอีกด้านหนึ่ง ยมฑูตต้องออกแรงผลักประตูสวรรค์เข้าไป ค่อนข้างแข็งและฝืดเพราะนานๆ จึงมีคนเข้าไปได้ ส่วนใหญ่จะต้องไปนรกซะมากกว่า
เมื่อเดินเข้าไปในห้องสวรรค์ มีโต๊ะตัวใหญ่ ข้าวของเครื่องใช้ อาหารการกิน เลิศหรูหราเหมือนห้องนรกทุกอย่าง แต่บรรยากาศในห้องสวรรค์นี้สิ ผู้คนเต็มไปด้วย รอยยิ้ม ดูมีสุขภาพดี อิ่มเอิบสมบูรณ์ ทุกคนมีแขนยาว และมีมือเป็นช้อนไม่สามารถหยิบและตักอาหารกินเองได้เหมือนกัน แต่ทุกคนในห้องสวรรค์นี้ต่างตักอาหาร ป้อนให้คนอื่นอย่างมีไมตรีจิตที่ดี ทุกคนเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ต่างหยิบยื่นทุกอย่างให้กันและกันอย่างมีความสุข ใครอยากได้อะไรก็จะมีคนอื่นคอยช่วยเหลือหยิบยื่นให้ตลอดเวลา ทุกคนอิ่มหนำสำราญ ช่างเป็นภาพที่น่ามอง น่าประทับใจจริงๆ ทำให้อาแปะที่ยืนมองอยู่ ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว และเป็นเวลาที่ยมฑูตจะต้องนำอาแปะกลับมาส่งที่เมืองมนุษย์แล้ว ข้อคิดจากการไปเยี่ยมชมนรก และสวรรค์ในมุมมองนี้ สะท้อนให้คิดถึงการเติมเต็มซึ่งกันและกันให้มากขึ้น เหมือนการต่อจิ๊กซอว์ชีวิต
เราทุกคนสามารถทำสถานะการณ์ของเราให้เป็นนรกก็ได้ และเราทุกคนเหมือนกันที่จะทำให้ทุกอย่างกลายเป็นสวรรค์ขึ้นมา เพียงพลิกวิธีคิดให้เป็นบวกมากกว่าคิดแง่ลบ การปรับมุมมองโดยหันไปมองคนรอบข้างอย่างใส่ใจมากกว่าการมองแต่ความต้องการของตัวเอง การให้มากกว่าการรอรับจากผู้อื่น การเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น รอยยิ้ม น้ำใจเล็กๆ บนท้องถนน คำพูดและน้ำเสียงที่อ่อนโยน คำขอบคุณ ขอบใจ คำชื่นชมผู้อื่นอย่างจริงใจ เราสามารถหยิบยื่นให้ผู้อื่นโดยไม่ต้องซื้อหา การทำให้ผู้อื่นมีความสุขนั้นยิ่งใหญ่เสมอ เมื่อเราเคยได้รับโอกาสดีๆ ในชีวิต เราก็จะขอมีส่วนมอบโอกาสดีๆ ให้ผู้อื่นบ้าง
หากแนวความคิดนี้ถูกจุดประกายให้เป็นประโยชน์กับผู้อ่าน ขอให้การจุดประกายในแนวความคิดนี้เผยแพร่ต่อไป ผสานกับความคิดต่อยอดของผู้อ่าน จะเป็นเหมือนการหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้แก่กัน เหมือนผู้คนในห้องสวรรค์ การผนึกกำลังกันแบบจิ๊กซอว์ไม้ไผ่ ความคิดที่จะให้และแบ่งปันกันในภาคการทำธุรกิจของเรา จะเห็นทุกคนดำเนินธุรกิจบนแนวความคิดที่ต่างก็อยากต่อเติมให้เกิดประโยชน์ซึ่งกันและกัน เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถอยู่รอดและเติบโตไปด้วยกันได้ ความจริงใจและความปรารถนาดี จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ เกิดประโยชน์อย่างถาวรและยั่งยืน ทำให้เรามีสวรรค์บนดินที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ และเราทุกคนจะสืบสานสิ่งดีงามนี้ให้เป็นมรดกทางความคิดไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานและรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต
บทความจาก คุณ KIM ฐิติมา ตันติกุลสุนทร (General & Director Manager WICE Freight Services (Thailand) Co., Ltd.)