การขนส่งสินค้าไปยังอเมริกาเป็นกระบวนการที่มีความซับซ้อน เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกามีขนาดใหญ่ ต้องใช้การเชื่อมโยงหลายรูปแบบในการขนส่ง (Multi-Modal Transportation) เช่น ทางทะเล, ทางบก และทางรถไฟ เพื่อให้สินค้าสามารถถึงปลายทางได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
วันนี้ น้องไวส์ใจ จะมาเล่าให้ฟังถึงคำศัพท์ IPI และ RIPI ที่เพื่อนๆ ผู้ส่งออกสินค้าไปยังอเมริกาควรทราบกัน

ภูมิประเทศของประเทศสหรัฐอเมริกา
อันดับแรก เพื่อนๆ จะต้องทราบถึงลักษณะภูมิประเทศของประเทศสหรัฐอเมริกา (USA) กันก่อน USA เป็นประเทศขนาดใหญ่ ประกอบด้วยท่าเรือหลายท่า ดังนั้นรูปแบบการส่งออกสินค้าไปยัง USA จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งของประเทศ ได้แก่ ฝั่งตะวันตก West Coast (WC) และฝั่งตะวันออก East Coast (EC)
สินค้าที่ถูกส่งออกจากทวีปเอเชีย เพื่อเข้าไปยัง USA จะใช้เส้นทาง Trans-Pacific (TP) หรือที่เรียกว่า เส้นทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่เชื่อมโยงท่าเรือในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และประเทศไทย กับท่าเรือหลักในอเมริกาทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก เช่น ลอสแอนเจลิส, ซานฟรานซิสโก และซีแอตเทิล เส้นทางนี้ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางการขนส่งที่สำคัญที่สุดในโลก เนื่องจากการค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างเอเชียและอเมริกามีมูลค่ามหาศาลและมีความหลากหลายของสินค้าที่ต้องการขนส่งผ่านเส้นทางนี้ทุกปี ทั้งในด้านการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค, เทคโนโลยี, เครื่องจักร, และวัตถุดิบต่างๆ
เมื่อเพื่อนๆ เข้าใจภูมิประเทศของประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว น้องไวส์ใจจะขออธิบายต่อถึงคำศัพท์ IPI / RIPI ที่เป็นรูปแบบการขนส่งสินค้าไปยัง USA โดย IPI (Interior Point Intermodal) จะหมายถึงการขนส่งสินค้าเข้าทางฝั่งตกวันตกของ USA ส่วน RIPI (Reverse Interior Point Intermodal) คือการขนส่งสินค้าเข้าไปทางฝั่งตะวันออกของ USA นั่นเอง
ขนส่งสินค้าไป USA ควรใช้รูปแบบไหนดี
การส่งออกไปยัง USA สามารถทำได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับจุดรับสินค้าปลายทางว่าอยู่พื้นที่ส่วนใดของประเทศอเมริกา ซึ่งวันนี้น้องไวส์ใจ จะขอแนะนำโซลูชั่นส์ จาก ไวส์ โลจิสติกส์ “US D2D” ย่อมากจาก USA Door-to-Door Service ซึ่งเป็นบริการขนส่งสินค้าจากประเทศต้นทาง ไปยัง USA แบบถึงหน้าประตู (Door-to-Door) โดยไวส์ ได้ออกแบบโมเดลการขนส่งทั้งหมด 4 แบบ ซึ่งตอบโจทย์ที่แตกต่างกันไป
Model 1: WC, EC and AWS Discharge
WC (West Coast), EC (East Coast) and AWS (All Water Service) โมเดลนี้เหมาะกับโรงงาน หรือคลังสินค้าของลูกค้า ที่อยู่ใกล้กับท่าเรือ (Discharge Port) ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก เมื่อสินค้าส่งถึงที่ท่าเรือ เราจะใช้รถขนส่งสินค้า รับของไปส่งที่โรงงานหรือจุดรับสินค้าปลายทาง โมเดลนี้จะตอบโจทย์กับลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็วในการขนส่ง แต่ข้อจำกัดคือ โรงงานต้องอยู่ใกล้กับท่าเรือ (Discharge Port)
( พื้นที่โซน A ,D ,F )

Model 2: IPI (Interior Point Intermodal)
โมเดล IPI จะขนส่งสินค้าเข้าไปยังส่วนกลางของประเทศ (พื้นที่ A ,B ,C ,E) โดยเราจะใช้รถไฟ ขนส่งสินค้าจาก Discharge Port (ท่าเรือฝั่งตะวันตก) ไปยังจุดที่ใกล้กับโรงงาน หรือใกล้จุดรับสินค้าปลายทางของลูกค้า จากนั้น ใช้รถบรรทุกส่งสินค้าอีกทอดนึงเพื่อไปยังปลายทางที่กำหนด.

Model 3 : RIPI (Reverse Inland Point Intermodal)
โมเดลนี้จะขนส่งสินค้าเข้าไปยังส่วนกลางของประเทศ (พื้นที่ D ,E ,F) เหมือนกันกับ IPI โดยใช้รถไฟ และต่อด้วยรถบรรทุกเหมือนโมเดลที่ 2 แต่แตกต่างตรงที่ RIPI Discharge Port จะเป็นฝั่งตะวันออก ดังนั้นโลเคชั่นของจุดรับสินค้า จึงเป็นส่วนสำคัญต่อการเลือกว่าจะใช้ Model ไหนในการขนส่ง.

Model 4 : West coast and East coast Transload
โมเดลสุดท้าย West coast and East coast Transload เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการศูนย์กระจายสินค้าให้ (DC: Distribution Center) โดย WICE จะรับสินค้าจากท่าเรือมา Unload สินค้าที่ Warehouse ของ WICE และจัดส่งสินค้าไปยังจุดที่ลูกค้าต้องการ ทำให้ลูกค้าสามารถส่งสินค้าจาก Warehouse ของ WICE ไปยัง End User ได้เลย

บริการส่งออกสินค้าไปยังอเมริกาแบบครบวงจร
ไวส์ โลจิสติกส์ เราให้บริการส่งออกสินค้าไปยังอเมริกาได้แบบครบวงจร โดยคำนวณต้นทุน ระยะเวลา เพื่อนำเสนอโซลูชั่นส์ที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด โดยเรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่สามารถแนะนำลูกค้าได้ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
นอกจาก USA D2D แล้ว ไวส์ยังมีโซลูชั่นส์อื่นๆ ที่หลากหลาย รวมถึงการให้บริการขนส่งระหว่างประเทศแบบครบวงจร (International Logistics) ทั้งทางเรือ ทางอากาศ และขนส่งผ่านแดน รวมถึงบริการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LineOA : WICE Logistics หรือส่งอีเมลล์มาเพื่อขอใบเสนอราคาได้ที่ E-mail : [email protected]
ไว้ใจ ให้ไวส์ดูแล Trust WICE to take care of you.